ปัญหาของการอยู่เฉยๆ

ปัญหาของการอยู่เฉยๆ

คุณเคยนั่งเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยจริงๆ สักพักมั้ย มันคือสิ่งที่ยากมากสำหรับมนุษย์เลยใช่มั้ยล่ะครับ บางทีให้ไปทำงานแบกหามยังทนได้มากกว่าให้นั่งอยู่เฉยๆ เป็นเวลานานๆ เลย คิดๆ ดูมันก็เป็นเรื่องที่แปลกนะครับ ทำไมเราจึงนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ผมว่าสมองคนเรามันเป็นอวัยวะที่ addictive มากนะครับ เราต้องหาเรื่องใส่ให้มันคิดอยู่ตลอดเวลา หรือถ้าให้มันอยู่เฉยๆ มันก็จะหาทางออกด้วยการคิดฟุ้งซ่าน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกครับ

ถ้าลองสังเกตดูดีๆ มนุษย์ชาติก็คิดอะไรขึ้นมาเยอะ ก็เพื่อที่จะมาป้อนสมองให้ได้ตลอดเวลานี่แหละ สมัยก่อนพระราชาก็ต้องมีจำอวดท้องพระโรงไว้คอยทำให้หัวเราะได้ตลอดเวลาถ้ารู้สึกเบื่อ และต้องไม่ซ้ำๆ กันด้วยนะ มุกเดิมทุกวันก็เบื่ออีก มันเป็นภาระที่หนักหน่วงเลยของมนุษยชาติ

ช่วงร้อยปีหลังมานี้ คนธรรมดาก็เริ่มมีอุปกรณ์ราคาถูกเพราะเทคโนโลยี
ตัวแรกเลยก็คือ วิทยุทรานซิสเตอร์ มันช่วยให้มีใครมาพูดอะไรใส่หูเราได้ทั้งวันแค่เพียงใส่ถ่านเท่านั้นเอง (จะให้ขับเสภาเองทั้งวันก็ไม่ไหว) ต่อจากนั้นก็เข้าสู่ยุคของ โทรทัศน์ มาตอนนี้ก็ อินเตอร์เน็ต msn และล่าสุดเลยก็ Facebook (แต่ก็มีบางคนบ่นเหมือนกันว่า ช่วงไหน Facebook ไม่ค่อยมีข่าวอะไรใหม่ๆ ก็ทำให้รู้สึกอ้างว้างเอาได้ง่ายๆ เหมือนกัน)

เป็นไปได้ว่า ธรรมชาติสร้างกลไกแบบนี้ขึ้นมา เป็นส่วนหนึ่งของสัญชาตญาณเพื่อความอยู่รอด ซึ่งเป็นสัญชาติญาตที่สำคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิต เพราะการที่เราอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ทำให้เราสร้างอะไรต่างๆ ขึ้นมาเป็นผลพลอยได้ ที่ช่วยแก้ปัญหาเวลาเจอภัยคุกคาม ถ้าไม่มีแรงจูงใจอันนี้ อาจแก้ปัญหาต่างๆ ได้ไม่ทัน

นอกจากนี้ผมยังสังเกตว่า คนเราต้องมีเป้าหมายอะไรบางอย่างให้หวังไปเรื่อยๆ ถึงจะมีชีวิตชีวา เด็กๆ ก็หวังสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ทำงานก็หวังเงินเดือนเยอะๆ มีครอบครัวก็เปลี่ยนมาฝากความหวังไว้ที่ลูกๆ พอแก่ก็เริ่มเข้าวัด เพราะหวังจะได้ไปเกิดชาติหน้าแบบดีๆ มันต้องมีอะไรสักอย่างมาให้เราหวังไปเรื่อยๆ มิฉะนั้นจะหดหู่เอาง่าย ๆ

ทางพระเค้าบอกไม่ให้ยึดติดกับอะไรเลย พูดง่าย แต่ปฏิบัติยากครับ ใครทำได้แบบไม่หลอกตัวเองนี่อนุโมทนาบุญจริงๆ แต่คนส่วนใหญ่ถ้าให้อยู่แบบไม่หวังอะไรเลยคงยากมากๆ ครับ ไหนๆ ทุกคนก็ต้องเสพติดอะไรสักอย่างหนึ่งกันอยู่แล้ว สิ่งที่คนเราเลือกได้ คือเลือกที่จะเสพติดอะไร บางคนเลือกกิจกรรมที่ทำร้ายตัวเองไปด้วย เช่น การติดเหล้า บางคนเลือกกิจกรรมที่ไม่ถึงกับทำร้ายตัวเองแต่ว่าก็ไม่สร้างสรรค์เอาเสียเลย เช่น นั่งนินทาชาวบ้าน ยุ่งเรื่องคนอื่น เสพนิตยสารซุบซิบดารา เป็นต้น

อีกด้านหนึ่ง บางคนเลือกเสพติดกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาตัวเองไปด้วย เช่น เป็นหนอนหนังสือ บ้าซ้อมดนตรี บ้างาน บ้าออกกำลังกาย การได้ใช้เวลามหาศาลไปกับสิ่งเหล่านี้ก็ได้อะไรมาด้วย เช่น รวย ฉลาด สุขภาพดี ฯลฯ ไหนๆ ก็ต้องเสพติดอะไรสักอย่างอยู่แล้ว บางทีก็นึกอยากให้รัฐบาลสร้างศูนย์กีฬาใหญ่ๆ ให้วัยรุ่นได้เล่นฟรีๆ ทั้งวัน เอาให้ติดกีฬาไปเลย จะได้ไม่มีเวลาไปตีกัน

ไหนๆ คนเราก็ถูกบังคับให้ต้องเสพติดอะไรสักอย่างแล้ว ทำไมไม่เลือกเสพติดในสิ่งที่ให้ประโยชน์กับตัวเองให้มันสุดๆ ไปเลย

สำหรับผม ผมเลือกเสพติดกับการเลี้ยงปลาอโรวาน่าอันเป็นที่รักครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก dekisugi.net/blog ครับ

สวัสดีปีใหม่ 2556 ครับ

ตั้น

Emperor Arowana
จักรพรรดิปลามังกรทอง
www.emperorarowana.com